The Black Sea Nation of Georgia III: Natural Wonders

ส่วนหนึ่งของเมือง Kutaisi มองจากยอดอาคารโรงแรม โบสถ์ขนาดใหญ่ที่เห็นไกลๆ คือวิหาร Bagrati (บากราติ) ซึ่งมีประวัติเก่าแก่กว่าพันปี

หลังจากที่ไปเที่ยวโบราณสถานที่สำคัญๆในประเทศจอร์เจีย ตามวัฒนธรรมแถวเทือกเขาคอเคซัสกันไปแล้ว คราวนี้ฉันขอไปชื่นชมความสวยงามตามธรรมชาติกันบ้าง เป้าหมายในครั้งนี้อยู่แถบแถวเมือง Kutaisi (คูทายสี) ที่ฉันใช้เป็นฐานที่พักในการไปเที่ยวชมส่วนหนึ่งของทัศนียภาพอันสวยงามและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในประเทศนี้ โดยขับรถไปตามเส้นทางถนนสาย E60 มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกก่อนเลี้ยวเข้าถนนสายเล็กๆ ที่คดเคี้ยวไปตามภูเขาแทนที่จะขับไปตามถนนสายหลักซึ่งเป็นเส้นทางตรงเพียงอย่างเดียว เพราะต้องการแวะผ่านไปชมสถานที่สองแห่งที่พอค้นข้อมูลได้จากบล็อกการเดินทางของต่างประเทศ (ซึ่งคาดว่าคนไทยอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก เพราะอยู่นอกเส้นทางเมืองท่องเที่ยวหลักๆ)

            เป้าหมายแรกคือการผ่านไปแถวเมืองชื่อ Chiatura (ชิอาทูร่า) ตั้งอยู่ในหุบเขาริมแม่น้ำ Qvirila (ควีรีลา) ในแคว้น Imereti (อิเมอเรติ) ซึ่งเป็นเมืองที่ทำเหมืองแร่แมงกานีสและแร่เหล็กมาเป็นร้อยปี ที่ฉันอยากมาที่นี่ไม่ใช่เพราะจะมาดูเหมือง แต่อยากมาลองขึ้นเคเบิ้ลคาร์เก่าแก่ของเมืองที่มีฉายาเรียกกันว่า “Coffin Cable Car” ดู เหตุที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะเคเบิ้ลคาร์เก่าของที่นี่สร้างมาตั้งแต่สมัยโซเวียตคือตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 โดยเป็นกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมแบบโบราณ เดิมใช้เป็นทางสัญจรของคนในเมืองที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ เดินทางขึ้นมาทำเหมืองบนภูเขาที่สูงชัน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการสร้างระบบกระเช้าลอยฟ้าแบบใหม่กันแล้ว แต่กระเช้าดั้งเดิมก็ยังมีหลงเหลืออยู่และมีสภาพเก่าแก่ดูโทรมๆ เวลาขึ้นที่ก็จะสั่นคลอนเสียงดังจนน่ากลัวจะร่วงลงไปมากกว่า จึงเป็นที่มาของชื่อเรียก “กระเช้าโลงศพ” อย่างไรก็ดี แม้ว่าฉันจะหากระเช้าโลงศพที่ว่าเจออยู่ติดกับเหมืองแห่งหนึ่ง แต่ก็เป็นอันที่เขาก็ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปผจญภัยเล่นได้อย่างที่อ่านเจอจากอินเตอร์เน็ตแล้ว จึงได้แต่ถ่ายรูปอาคารทำเหมืองและกระเช้าโลงศพมาเป็นที่ระลึกเพียงอย่างเดียว

            จากนั้นก็ขับรถเลาะเส้นทางผ่านป่าและภูเขาไปที่ Katskhi Pillar (คัตสกีพิลล่า) แท่งเขาหินปูนสูงที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวเด่นเป็นสง่าอยู่กลางป่า ที่มีคนไปใช้เป็นอาศรมข้างบนยอดเขาที่สูงประมาณ 40 เมตรมาตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 9-10 (คล้ายๆกับที่เมือง Meteora (เมติโอร่า) ของประเทศกรีซ) และเป็นที่เคารพนับถือของชาวเมือง Katskhi (คัตสกี) มาแต่โบราณ ปัจจุบันมีการบูรณะฟื้นฟูและมีการสร้างศาสนสถานใหม่ไว้ด้านบนยอดเขา ทางรถที่ขับไปจะเป็นถนนแคบๆเลาะเข้าป่าขึ้นเขาไปที่จุดหนึ่งซึ่งเป็นจุดชมวิวเห็นแท่งหินกลางหุบเขาได้ แต่ถ้าจะเข้าไปให้ถึงตัวโบราณสถานจะต้องผ่านถนนลูกรังที่สูงชันกว่าจะเข้าไปถึงตัวศาสนสถานได้ (ฉันใช้วิธีเดินไปแทนการขับรถเพราะไม่รู้แน่ว่าเส้นทางจะสูงชันน่าหวาดเสียวขนาดไหน…) อย่างไรก็ดี เนื่องจากตอนไปถึงมีการซ่อมแซมบูรณะโบราณสถานอยู่ จึงไม่ทราบแน่ชัดว่าปกติเขาให้นักเดินทางอย่างพวกเราขึ้นไปบนแท่งหินได้หรือไม่…จะถามใครก็ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะพูดภาษาอังกฤษได้เลยสักคน…

            จากที่นี่ถนนจะตัดผ่านภูเขา เส้นทางคดเคี้ยว ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อพอสมควร แต่ทัศนียภาพก็สวยงามเป็นธรรมชาติดีมาก ขับรถไปได้ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงเมือง Kutaisi เมืองขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของจอร์เจีย ตัวเมืองมีแม่น้ำ Rioni (รีโอนี) ไหลผ่าน และเป็นส่วนหนึ่งของแคว้น Imereti เป็นสถานที่ที่มีการตั้งถิ่นฐานมายาวนานและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของคอเคซัส แต่อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่าฉันใช้เมืองนี้เป็นที่พักเพื่อไปเที่ยวสถานที่เที่ยวธรรมชาตินอกเมืองมากกว่า จึงได้แต่ชมวิวตัวเมืองแต่จากยอดตึกโรงแรมที่พักกับการเดินไปรับประทานอาหารเย็นอร่อยๆ พร้อมไวน์พื้นเมืองเลิศรสราคาสบายกระเป๋ากลางเมืองเท่านั้น

            จากตัวเมืองไปประมาณ 1 ชั่วโมงทางรถยนต์ จะเป็นที่ตั้งของที่ทำการอุทยานแห่งชาติ Okatse Canyon (โอกัสเซแคนยอน) ที่เป็นที่ซื้อตั๋วเข้าอุทยานฯ และติดต่อรถ 4WD เพื่อลุยทางวิบากไปยังปากทางเข้าเทรล Suspension Bridge หากมีเวลาและไม่อยากเสียเงินเช่ารถไปกลับ ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งคือเดินเท้าลงหุบไปตามเทรลไปเป็นระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร เดินเทรล Suspension Bridge ชมความงามริมหน้าผา และเดินกลับขึ้นมาที่รถเอง ก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง (ระยะทางรวมประมาณ 7-8 กิโลเมตร) แน่นอนว่าเพื่อประหยัดเวลาและแรงงาน ฉันเลือกเช่ารถ 4WD ไปแล้วต่อรองให้เขารอรับกลับหลังจากเดินเทรลเสร็จเลย จากปากทางเทรลนี้จะสร้างเป็นบันไดเดินลงไปที่หน้าผาและมีเส้นทางเดินเป็นสะพานตะแกรงเหล็กเลาะริมหน้าผาไปเรื่อยๆ เพื่อชมความงามของโตรกหินลึกทางด้านล่างและวิวเทือกเขาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา หุบเขา Okatse (โอกัสเซ) สวยงามคุ้มค่าที่เดินทางมาถึง ทางเดินเลาะหน้าผาและป่าเขาจะไปสุดที่สะพานแขวนที่ยื่นออกไปกลางอากาศให้ถ่ายรูป ก่อนจะเดินขึ้นบันไดย้อนขึ้นไปด้านบน (ค่อนข้างชันและเรียกเหงื่อได้พอสมควร ดีที่อากาศเย็นสบาย) เพื่อเดินกลับไปยังบริเวณลานจอดรถที่รถ 4WD จอดรออยู่ (รวมเส้นทางเฉพาะเทรลนี้ประมาณ 3 กิโลเมตร) ฉันทำเวลาในเส้นทางนี้ไปชั่วโมงกว่าๆ เลยเวลาตามที่นัดหมายไว้กับคนขับรถไปหน่อย (นัดไว้หนึ่งชั่วโมง) แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ขึ้นรถลุยทางวิบากกลับมาที่ศูนย์นิทรรศการที่จอดรถตัวเองเอาไว้ แล้วก็ขับรถขึ้นเขาต่อไปยังน้ำตกที่สูงที่สุดของจอร์เจีย…

            เนื่องจากในช่วงที่เดินทางไปนั้น การท่องเที่ยวของจอร์เจียกำลังเริ่มบูม จึงอยู่ในระหว่างที่มีการสร้างนู่นเปลี่ยนนี่ใหม่ (ข้อมูลที่ค้นไปก็ไม่เหมือนเดิม) ตัวอย่างเช่น น้ำตกที่ฉันกำลังหาทางไปนี่เอง ในข้อมูลที่ค้นคว้าไปตอนนั้น ชื่อน้ำตกที่ว่าคือน้ำตก Kinchkha Falls (น้ำตกคินชกะ) แต่ทางอุทยานฯ เขาคงเปลี่ยนชื่อไปแล้ว ป้ายตามเส้นทางเลยมีแต่ชื่อ Okatse Waterfall ทำเอาตอนแรกงงๆ คิดว่าคนละน้ำตกหรือไม่ก็หลงทาง แถมกูเกิ้ลแม็พที่ใช้ก็พาไปหยุดตรงไหนสักแห่งแล้วให้เดินเท้าต่อเองเฉย ไปๆมาๆ เลยต้องสอบถามชาวบ้าน (เท่าที่จะพอเข้าใจได้เอา) ปรากฎว่ามีเส้นทางถนนที่ขับขึ้นเขาไปอย่างชัน (น่าจะตัดขึ้นมาใหม่ยังไม่มีในกูเกิ้ลแม็พ) แต่ก็ไปถึงที่ได้โดยสะดวก มีด่านที่ต้องซื้อตั๋วเข้าไป มีเส้นทางเดินที่ทำใหม่อย่างดี เดินลงไปประมาณ 500 เมตรเพื่อไปดูน้ำตกที่ตกจากหน้าผาสูง เริ่มจาก 25 เมตรระหว่างทาง ไปที่ชั้นกลางที่ 70 เมตร ก่อนไหลไปรวมกับแม่น้ำสายเล็กๆแล้วตกลงไปอีกชั้นที่ 30 เมตร ซึ่งระหว่างทางก็จะได้เห็นน้ำตกเทตัวหล่นลงมาจากเขาหินชอล์ก อย่างสวยงาม จนสุดทางมีทางเดินให้ไปชมวิวเหนือน้ำตกชั้นสุดท้ายได้ เมื่อมาถึงตรงนี้ก็ต้องเดินย้อนกลับขึ้นไปที่ทางออก หรือมีอีกวิธีคือการจ่ายเงินเล่น Zipride ร่อนลงไป แล้วจะมีรถมารับกลับไปส่งที่ลานจอดรถ (ไม่ต้องเดินขึ้นเขาย้อนทางเดิมกลับไป) ฉันตัดสินใจเล่น เพราะน่าตื่นตาตื่นใจดี แถมวิวก็สวยงาม ตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามันมีสองฐาน ต้องถอดอุปกรณ์ฐานแรกแล้วเดินลงไปใส่อุปกรณ์อีกชุดเล่นไปที่ฐานสอง ก็เลยงงๆ มึนๆ แต่ก็สามารถกลับมาเจอเพื่อน (ที่ไม่กล้าเล่นเลยเดินกลับ) ที่รถได้อย่างปลอดภัย

            จากนั้น ฉันกะจะไปล่องเรือชมแม่น้ำที่ Martvili Canyon (มาร์ตวิลีแคนยอน) แต่เมื่อไปถึง เขาแจ้งว่าวันนี้ไม่มีการล่องเรือ เพราะน้ำขึ้นสูงและแรง ทำได้แต่การเดินเท้าตามเส้นทางเลาะชมแม่น้ำและโตรกหินเท่านั้น ฉันก็เลยไม่ได้จ่ายเงินเข้าไป แล้วขับรถไปที่ Prometheus Cave (ถ้ำโปรเมธีอุส) แถวเมือง Tskaltubo (ทซึกัลตูโบ) แทน ที่ถ้ำแห่งนี้จะมีการพาเดินเข้าชมเป็นรอบๆ จบด้วยการนั่งเรือลอดถ้ำออกมาในตอนท้าย (จ่ายเงินเพิ่ม) หรือเลือกที่จะไม่นั่งก็ได้ ระยะทางเดินประมาณ 1.5 กิโลเมตร ถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่อลังการงานสร้างมาก มีการประดับไฟงดงามเป็นจุดๆ มีทางเดินเป็นบันไดขึ้นลงค่อนข้างดี แต่เนื่องจากจำนวนคนในรอบที่ฉันเข้าไปค่อนข้างเยอะ ทางเดินก็ไม่ได้กว้างมากแบบให้เดินเป็นกลุ่มได้ ฉันซึ่งเดินอยู่หลังๆ เลยห่างจากไกด์มากจนไม่ได้ยินอะไรที่เขาอธิบายเลยสักอย่าง ได้แต่เดินดูเอง ตื่นตาตื่นใจ จินตนาการรูปทรงต่างๆกันเอง จากข้อมูลก่อนเดินเข้าไป เขาเขียนว่าถ้ำ 6 ห้องที่เปิดให้เข้าชม (จากทั้งหมดที่ค้นพบ 22 ห้อง ความยาวถ้ำทั้งสิ้นประมาณ 11 กิโลเมตร) จะมีเส้นทางนี้มีบันไดเดินขึ้นลงทั้งหมด 880 ขั้น ทางเดินยาว 1,420 เมตร (ทางเรือไปอีก 380 เมตร) อุณหภูมิในถ้ำเฉลี่ยประมาณ 14-15ºC มีส่วนที่เกิดจากน้ำหยด (หินงอกหินย้อย) และที่เกิดจากกระแสน้ำใต้ดินที่ไหลผ่านในถ้ำ (ร่องรอยการกัดเซาะ) ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมง จะมาโผล่ที่อีกด้านของถ้ำแล้วเขามีรถบัสรับกลับไปที่จุดเริ่มต้นที่จอดรถเอาไว้

            หลังจากใช้เวลาทั้งวันในการผจญภัยเดินบนหน้าผา ขึ้นเขา ลงห้วย ล่องฟ้า มุดดินมาทั้งวัน ฉันตีรถกลับไปพักผ่อนที่เมือง Kutaisi อีกครั้ง ก่อนวางแผนการเดินทางสำหรับเส้นทางต่อไป จริงๆแล้ว บริเวณรอบๆนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกหลายแห่งที่ฉันไม่ได้ไปเยือน ด้วยเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ประเทศจอร์เจียมีประวัติศาสตร์เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติมาเกินกว่าร้อยปี ในปัจจุบันมีพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติอยู่ประมาณ 7% ของพื้นที่ประเทศโดยรวม และใน 7% นั้นก็เป็นพื้นที่ป่าถึง 75% ฉันจึงเชื่อว่ายังคงมีสถานที่ที่บ่งบอกถึงความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอีกหลายแห่งที่ยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนนอก และยังรอคอยการพัฒนาเพื่อให้มีการท่องเที่ยวที่ได้มาตรฐานและยั่งยืนมารองรับต่อไป

แนะนำอาหารพื้นเมืองจอร์เจีย

(บน) ขนมหวานทำจากผลไม้กวนแบบต่างๆ เห็นได้ทั่วไปในจอร์เจีย

(ล่าง) ปลาเทราต์ (ปลาในแม่น้ำแถวนั้น) ย่าง, Khachapuri (คาชาปุรี) แผ่นแป้งขนมปังด้านในใส่ชีสและไข่, และ Chachashuli (ชาชาชูรี) สตูว์เนื้อในน้ำซุปใส่มะเขือเทศ

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s