Enjoy the Nature in Her Green at Shiretoko

Shiretoko (ชิเรโตโกะ) เป็นชื่อของคาบสมุทรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสุดของเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ที่ยื่นออกไปสู่ทะเล Okhotsk (โอค็อตสค์) มหาสมุทรแปซิฟิค ณ ปลายคาบสมุทรแห่งนี้เป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติ Shiretoko ซึ่งถือเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความน่าสนใจและอยู่ห่างไกลมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากที่นี่ไม่ได้มีถนนให้เข้าถึงได้ทุกจุด ต้องอาศัยการเดินเท้าชมความงามหรือล่องเรืออ้อมรอบๆเท่านั้น… Read More Enjoy the Nature in Her Green at Shiretoko

ว่าด้วยเรื่อง Blakiston’s Fish Owl ที่ Washi no Yado, Rausu, Hokkaido

ฉันได้มีโอกาสไปดูนกเค้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Blakiston’s Fish Owl (แปลเป็นไทยน่าจะได้ว่า นกทึดทือบลาคิสตัน) มาที่เมือง Rausu บนเกาะ Hokkaido ของญี่ปุ่น โดยไปใช้บริการสถานที่ดูนก/ที่พักที่ Washi no Yado (鷲の宿) ซึ่งมีลักษณะเป็น Minshuku หรือ B&B แบบญี่ปุ่น ที่นี่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นที่ที่สามารถดูนกล่าเหยื่อขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลกชนิดนี้ได้ง่ายดายที่สุดแล้วในญี่ปุ่น และก็เป็นที่รู้จักกันมายาวนานสำหรับนักดูนกญี่ปุ่นและนักดูนกต่างชาติ เพราะอะไรจะสบายขนาดดูนกได้จากห้องนอน! ถ้าคิดจะมาที่นี่ก็ต้องติดต่อเจ้าของสถานที่จองที่นั่งใน Observation Cabin (3,000 เยน) หรือจะเข้าพักที่นี่ก็ได้ โดยค่าที่พักจะรวมอาหารเย็นและอาหารเช้าด้วย (9,000 เยน) ราคา ณ ปี 2018 อย่างไรก็ดี ถ้าจะพักที่นี่ ที่ดีที่สุดคือได้ห้องติดด้านลำห้วยที่นกมาลง เพราะสามารถดูนกจากห้องตัวเองได้เลย ถ้าได้ห้องอื่นที่มองไม่เห็นลำห้วย ก็ต้องไปนั่งดูใน Observation Cabin แทน ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่จำนวนคนเข้าพักและใครมาก่อนมาหลัง อย่างฉันเข้าไปพักคนเดียว ก็เลยได้ห้องด้านในที่มองไม่เห็นลำห้วย เป็นห้องหกเสื่อเล็กๆ มีเครื่องทำความร้อน ที่นอน โทรทัศน์ (ซึ่งฉันไม่ได้ใช้) ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมด้านนอก… Read More ว่าด้วยเรื่อง Blakiston’s Fish Owl ที่ Washi no Yado, Rausu, Hokkaido

Hokkaido Summer

     พื้นที่ใจกลางเกาะอันกว้างใหญ่ของฮอกไกโด เกาะขนาดใหญ่ที่สุดทางเหนือของญี่ปุ่นนั้น มีลักษณะเป็นท้องทุ่งและที่ราบสูงอันกว้างใหญ่ภายใต้เงาร่มของแนวเทือกเขาไดเซ็ทซึ โดยมีเมืองทั้งใหญ่และเล็กรายล้อมอยู่รอบๆแนวเทือกเขา ชาวบ้านมีอาชีพทำการเกษตรเป็นหลัก ดังนั้น เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิต่อเนื่องถึงฤดูร้อน ในช่วงที่หิมะที่ปกคลุมแทบทั้งเกาะละลายหายไปเกือบหมด ทุ่งอันกว้างใหญ่ที่มีพรรณพืชต่างๆมากมาย ก็ร่วมใจพากันผลิดอกออกผล ภาพของทุ่งดอกไม้ต่างๆจึงหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันให้ได้ชมตลอดช่วงฤดูกาล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดอกไม้ที่ขึ้นชื่อที่สุดอันเป็นเหตุผลดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมายมาเยี่ยมเยือนเกาะฮอกไกโดตอนกลางแห่งนี้ คงหนีไม่พ้นทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันกว้างใหญ่ ที่ชาวฮอกไกโดเจ้าของพื้นที่ได้พัฒนาพื้นที่เกษตรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ พ่วงท้ายมาด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆมากมายที่ผลิตขึ้นจากพืชผลทางการเกษตรเหล่านี้ ฟุราโนะ (Furano) เมืองที่ตั้งห่างไปทางทิศตะวันออกของซัปโปโรประมาณ 100 กว่ากิโลเมตร เป็นแหล่งทุ่งดอกลาเวนเดอร์อันลือชื่อ หากเดินทางมาถึงบริเวณนี้ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ตลอดจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นช่วงหน้าร้อนที่มีอากาศเย็นสบายของพื้นที่ทางตอนเหนือ ก็จะได้สัมผัสกับกลิ่นหอมและสีสันของดอกลาเวนเดอร์กันอย่างเต็มที่ ว่ากันว่าต้นลาเวนเดอร์นี้เดิมเป็นพืชดอกล้มลุกที่พบได้อยู่ตามทุ่งหญ้าตามป่าเขา ต่อมาได้มีบริษัทผลิตน้ำมันหอมจากดอกไม้ได้มาทดลองปลูกต้นลาเวนเดอร์ในบริเวณนี้เป็นครั้งแรกเมื่อเกือบร้อยปีก่อนและได้ผลดี เกษตรกรในแถบนี้ได้ทำการปลูกลาเวนเดอร์กันอย่างแพร่หลายตามบริเวณต่างๆที่เหมาะสม เพื่อป้อนให้กับโรงงานผลิตน้ำมันหอมสำหรับใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเรื่องสำอางค์ที่ตั้งขึ้นในบริเวณใกล้เคียง อย่างไรก็ดีเมื่อวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าและโลกมีการพัฒนามากขึ้น การผลิตกลิ่นสังเคราะห์และการนำเข้าที่ง่ายดาย ทำให้ราคาน้ำมันหอมจากลาเวนเดอร์ของแท้นี้ราคาตกต่ำลงและโรงงานต้องเลิกกิจการไป พาเอาเกษตรกรย่ำแย่ตามไปด้วย จนต้องหันไปปลูกพืชชนิดอื่นๆกันเกือบหมด อย่างไรก็ดี ยังเหลือเกษตรกรที่ยังคงทนปลูกต้นลาเวนเดอร์นี้อยู่ไม่กี่เจ้า และแล้วเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป ในปี ค.ศ. 1975 ภาพของทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสดอันสวยงามจากฟาร์มแห่งหนึ่งได้ถูกถ่ายทอดลงบนปฏิทินของการรถไฟภูมิภาคของญี่ปุ่น ทำให้มีผู้คนสนใจอยากมาเที่ยวชมทุ่งลาเวนเดอร์แห่งนั้น และนับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเหตุให้การปลูกลาเวนเดอร์กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของฮอกไกโด จากที่เป็นพืชที่ปลูกเพื่อการเกษตรฯ ป้อนโรงงาน กลับกลายมาเป็นปลูกเพื่อการท่องเที่ยว จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของดินแดนแถบนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน ฉันได้แวะเที่ยวชมฟาร์มอันลือชื่อที่ใครๆก็พลาดไม่ได้ หากมาเยือนถึงดินแดนแถบนี้แล้ว นั่นคือโทมิตะฟาร์ม ว่ากันว่าภาพในปฏิทินที่ทำให้ทุ่งลาเวนเดอร์แห่งฮอกไกโดโด่งดังเป็นครั้งแรก ก็ถูกบันทึกไว้ที่ฟาร์มแห่งนี้… Read More Hokkaido Summer

Sapporo/Otaru

เช่นเดิม…บทความที่เขียนลงนิตยสารฉบับหนึ่งไว้จ๊ะ…ความจริงจะเขียนรวมฮาโกดาเตะเข้าไปด้วย แต่เนื้อที่ไม่พอ (จำกัดหน้าในนิตยสาร) เลยตัดออก แต่ในรูปเอาลงไว้ให้ดูเล่นด้วยจ๊ะ…   ในยุคที่ใครๆต่างก็อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น แถมไปแล้วก็อยากไปซ้ำแบบนี้ ถ้าฉันไม่อินเทรนด์เอาประเทศนี้มาแนะนำกันบ้าง ก็คงจะตกยุคไปไม่น้อย อย่ากระนั้นเลย เราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันบ้างดีกว่า จะไปทั้งที จะไปแต่เส้นทางยอดฮิตโตเกียว ภูเขาไฟฟูจี หรือโอซาก้า ก็กระไรอยู่ ฉันขอพาขึ้นไปเกาะเหนือสุดของประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจแห่งนี้กันเลย…เกาะฮอกไกโด เป็นเกาะหนึ่งในสี่เกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากเกาะฮอนชู (ที่ตั้งเมืองหลวงทั้งเก่าและใหม่อย่างเกียวโต โตเกียว) และกินพื้นที่มากกว่าหนึ่งในห้าของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ทั้งๆที่มีประชากรอาศัยอยู่น้อยนิดเพียงแค่ประมาณ 5-6% ของประชากรทั้งญี่ปุ่นเท่านั้น พื้นที่กว้างใหญ่แต่ไร้ความหนาแน่นของผู้คนแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีธรรมชาติที่โดดเด่นเป็นแน่แท้ ทั้งภูเขาไฟ ท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ เทือกเขา ทะเลสาป บ่อน้ำแร่ฯลฯ ต่างประกอบขึ้นมาเกาะสวยงามแห่งนี้ แต่ฮอกไกโดคงไม่เป็นที่รู้จักสำหรับคนภายนอก ห่างขาดช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์เมื่อร้อยกว่าปีก่อนไป ในครั้งนี้ ฉันจึงขอแนะนำเมืองไม่ใหญ่ไม่โตแต่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของฮอกไกโด ที่มีร่องรอยกลิ่นไอของอารยธรรมยุโรปในสมัยปฏิรูปเมจิที่ทำให้เกาะนี้เป็นที่รู้จักของคนต่างชาติมากขึ้น เมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศและรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาหลังจากปิดตัวเองอยู่ในเกาะมาเป็นศตวรรษ ยุคสมัยเมจิของญี่ปุ่น (ค.ศ. 1868-1912) ถ้าเทียบกันง่ายๆ ก็คงคล้ายๆกับสมัยรัชกาลที่ 5 ของประเทศไทย (ซึ่งก็อยู่ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน) เป็นช่วงที่ญี่ปุ่นเปิดกว้างรับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาค่อนข้างมาก ศิลปะวิทยาการต่างๆ รวมไปถึงสถาปัตยกรรม และการสร้างบ้านแปลงเมือง จึงมีอิทธิพลของอารยธรรมตะวันตกเข้ามามีบทบาทอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าเกาะฮอกไกโดก็ไม่เป็นที่ยกเว้น จากเกาะเงียบสงบที่มีแต่ป่าเขา… Read More Sapporo/Otaru