Antwerp, Belgium

Antwerp, Belgium GPS นำทางฉันข้ามแดนโดยไม่รู้ตัวมาถึงเมืองแอนต์เวิร์ป (Antwerp) ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงจากฮอลแลนด์ เมืองท่าสำคัญในเขตแผ่นดินต่ำของเบลเยี่ยม หลังจากสับสนมึนงงกับการขับรถในเมืองใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย จากถนนเส้นใหญ่เลี้ยวไปกลายเป็นถนนหินแคบๆเดินรถทางเดียว สัญญาณไฟบนถนน มีทั้งเพื่อรถราง รถยนต์และคนข้าม ยังไม่รวมถึงจักรยานที่มีให้เห็นและระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ฉันรู้สึกโล่งอกเมื่อพาตัวเองมาถึงหน้าอาคารเก่าแก่หลังหนึ่งไม่ไกลจากใจกลางเมือง หลังจากทักทายกับเจ้าของบ้านเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็ต้องหนักใจอีกครั้งเมื่อต้องขับรถที่เช่ามาตัดถนนแบบงงๆสองสามสาย ไปยังที่จอดรถใต้ดิน ที่มีประตูทางเข้ากว้างกว่าตัวรถไม่ถึง 30 ซม. อันเป็นที่จอดรถปกติของผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าของบ้านใจดีให้ฉันใช้ที่จอดรถระหว่างการเยี่ยมเยือนและเที่ยวชมเมืองเก่าตั้งแต่ยุคกลางแห่งนี้ สองวันหลังจากนี้ของฉันจึงเป็นการเดินเท้าเที่ยวชมย่านเมืองเก่า โดยมีเจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนท้องถิ่นพาชมเมืองด้วยตัวเอง หลังจากเดินกลับมาที่บ้านหลังเก่าสี่ชั้นที่เก่าแก่กว่าสี่ร้อยปี ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานจากทางการ เจ้าของบ้านเล่าว่าเวลาจะปรับปรุงต่อเติมต้องขออนุญาตจากทางการก่อน แม้แต่จะปลูกต้นไม้หน้าบ้านหรือวางกระถางต้นไม้ไว้ที่หน้าต่างก็ต้องผ่านความเห็นชอบ เจ้าของบ้านซึ่งคุ้นเคยกับฉันเป็นอย่างดีว่าชื่นชอบการชิมเบียร์ขนาดไหน สิ่งแรกที่เขาพานำชมจึงเป็นการเดินลงห้องใต้ดินที่เป็นที่เก็บไวน์และเบียร์หลากหลายชนิด สมกับที่เบลเยี่ยมเป็นประเทศที่มีเบียร์มากยี่ห้อที่สุดในโลก (มากกว่า 400 ยี่ห้อ) ก่อนพานำชมบ้านเก่าที่มีบันไดไม้แคบๆ และยังมีส่วนคานและโครงบางส่วนเป็นไม้ กำแพงก่ออิฐ กับข้าวของรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์เก่าแก่จากที่ต่างๆ เนื่องจากเจ้าของบ้านคนนี้เป็นนักสะสมและซื้อขายของเก่า (รวมทั้งไวน์เก่า) ตัวยง จากนั้นฉันจึงพาตัวเองลากกระเป๋ากรอกแกรกไปตามถนนหิน ซึ่งเป็นถนนในยุคกลางที่พบได้ทั่วไปในเมืองแอนต์เวิร์ปไปยังที่พักใจกลางเมืองที่จองเอาไว้ ในบริเวณที่เรียกว่า Grote Markt (Great Market Square) ซึ่งก็คือจัตุรัสใจกลางเมือง ที่พักของฉันอยู่เหนือผับแห่งหนึ่ง ฉันแทบมองหาทางเข้าไม่เจอนึกว่าต้องเดินผ่านผับเข้าไป เมื่อมองจากหน้าต่างห้องพักลงมา ฉันเห็นตึกเก่าเรียงเป็นแถวอันได้แก่อาคารสูงหน้าจั่วสามเหลี่ยมเรียงต่อกันที่เรียกว่า Guild… Read More Antwerp, Belgium

Stopover in Brussels

        ฉันเดินทางมาถึงบรัสเซลส์ เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยมและเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรปแห่งนี้ แบบเหมือนเป็นทางผ่านไปสู่เมืองในฝันอย่างบรูจช์มากกว่าที่จะตั้งใจมาเยือนที่นี่โดยตรง อย่างไรก็ตาม เวลาเกือบสองวันเต็มๆยามเข้าและก่อนออกจากประเทศนี้ ที่ตอนแรกฉันคิดว่าคงเหลือเฟือสำหรับการแวะเที่ยวนครหลวงเล็กๆแห่งหนึ่งของยุโรปที่ใช้ภาษาเฟลมมิชและฝรั่งเศสเป็นหลักกลายเป็นเวลาเพียงน้อยนิดเหลือเกินในการที่จะเยี่ยมชมเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ ประวัติศาสตร์และความทันสมัยแห่งนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ ฉันเริ่มต้นการเดินทางในนครหลวงแห่งนี้ที่สถานี Gare du Midi (Zuidstation) อันเป็นสถานีหลักที่รถไฟข้ามประเทศยูโรสตาร์ พาฉันลอดอุโมงค์จากประเทศอังกฤษ ผ่านฝรั่งเศสเข้ามาถึงที่นี่ หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแบบค่อนข้างเรียบง่ายที่สถานี ฉันก็พาตัวเองเดินลากกระเป๋าหาแผนที่ในสถานี เดินต่อไปซื้อตั๋ว ขึ้นรถรางที่เหมือนอยู่ใต้ดิน ไปโผล่ที่สถานีที่ใกล้ๆโรงแรมที่จองผ่านอินเตอร์เน็ตเอาไว้ เช็คอิน วางของ จากนั้นก็คว้ากล้องและเป้ใส่ของประจำตัว พาตัวเองไปนั่นรถรางใต้ดินอีกครั้ง เนื่องจากฉันมีเวลาขาเข้ามาในประเทศนี้หนึ่งวันก่อนเดินทางไปเมืองอื่น และอีกหนึ่งวันก่อนกลับออกจากประเทศนี้ ฉันจึงปวารณาตัวเองเที่ยวให้คุ้มที่สุด วันละเขตเมืองหลักๆเท่าที่จะเที่ยวได้เสียเลย ที่ฉันใช้ว่าวันละเขตเมือง เพราะบริเวณใจกลางของเมืองหลวงแห่งนี้ แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆอันได้แก่เขตเมืองด้านล่าง (Lower Town) และเขตเมืองด้านบน (Upper Town) ซึ่งแบ่งแยกจากกันโดยมีแนวเนินเขาที่เป็นแนวยาวลงมาจากทางเหนือลงมาทางใต้เป็นเกณฑ์ ซึ่งในปัจจุบันมีถนน บ้านเรือนเชื่อมต่อกันอย่างแยกกันไม่ค่อยออก ฉันใช้บริการของรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่เรียกกันว่าเมโทร (Metro) และรถราง (Tram) ที่มีทั้งวิ่งใต้ดินและบนดินไปยังย่านสำคัญๆเป็นหลัก ก่อนใช้สองขาพาเดินชมส่วนต่างๆของเมืองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันเริ่มลุยส่วน Lower Town อันถือเป็นเขตเมืองเก่ามาแต่ดั้งเดิมที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าพ่อค้าช่างอาชีพสาขาต่างๆที่พูดภาษาเฟลมมิชเป็นหลัก อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าในอดีต ด้วยการขึ้นรถรางไปที่สถานี Bourse (Beurs)… Read More Stopover in Brussels

In Bruges

ที่นี่ไปมาเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว เช่นเดิม เอาบทความมาจากที่ตีพิมพ์ไปแล้ว ดูรูปใน album photo ประกอบนะจ๊ะ…ขอแนะนำจริงๆว่า ถ้ามีโอกาส ไปเถอะ…เมืองนี้…สวยจริง เจ๋งจริง…เริ่มเดินทางกันเลยคร๊าบ… ฉันขอออกตัวล่วงหน้าไว้ก่อนเลยว่า ชื่อเรื่องในครั้งนี้ ลอกเลียนมาจากภาพยนตร์ตลกเสียดสีสังคมอย่างร้ายกาจ ที่วางฉากเกือบทั้งเรื่องไว้ในเมืองอันแสนโรแมนติคอย่างเมืองบรูจส์ ในประเทศเล็กๆของยุโรปอย่างเบลเยี่ยม เอ่ยถึงชื่อเมืองนี้ อาจไม่เป็นที่รู้จักของใครหลายๆคน แต่สำหรับคนที่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของเมืองนี้แล้ว ฉันเชื่อเหลือเกินว่า เมืองบรูจส์คงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายๆคนเลยทีเดียว ฉันเดินทางไปถึงเมืองมรดกโลกแห่งนี้ด้วยบริการของรถไฟในประเทศจากเมืองหลวงบรัสเซล ซึ่งใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เมืองนี้จึงอาจเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่สามารถมาเยี่ยมเยียนแบบไปเช้าเย็นกลับจากกรุงบรัสเซลได้ แต่ถ้าอยากจะเห็นเมืองให้ถ้วนทั่ว อ้อยอิ่งกับบรรยากาศแห่งเมืองยุคกลางที่อนุรักษ์ไว้ได้อย่างดีที่สุดในเบลเยี่ยมอย่างเต็มที่ ชมตึกรามบ้านช่องสวยๆ ยามค่ำคืนที่มีการ light-up ส่องไฟเน้นแสงเงาและความงามอย่างอลังการของตัวตึก รวมถึงการช็อปปิ้งซื้อหา-ชิมรสช็อคโกแล็ตและของฝากอื่นๆอย่างจุใจแล้ว การพักค้างคืนในโรงแรมเล็กๆ สุดฮิปริมลำคลองในเมืองนี้อย่างน้อย 1-2 คืน เป็นเรื่องที่ขาดเสียไม่ได้และขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ฉันพยายามตรงดิ่งไปที่สำนักงานการท่องเที่ยวของเมืองที่ตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟของเมืองเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่ก็ต้องเสียเวลาเดินวนอยู่สองรอบเพราะหาสำนักงานเล็กๆ ที่อยู่มุมตึกด้านซ้ายมือสุด (ถ้าหันหน้าเข้าหาตัวตึก) ไม่เจอในรอบแรก อย่างไรก็ดี พนักงานที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใสและให้ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษอย่างดี (ติดต่อขอแผนที่เส้นทาง Walking Routes ได้) ก่อนแนะนำให้ฉันขึ้นรถประจำทางที่หน้าสถานีไปลงที่ป้ายใกล้โรงแรมริมลำคลองที่ฉันจองไว้ทางอินเตอร์เน็ต ความจริงแล้วเมืองบรูจส์เป็นเมืองเล็กๆที่การเดินเท้าเป็นการเดินทางที่ดีที่สุดในการชมเมือง รถเมล์ที่วิ่งทางเดียวเสียส่วนใหญ่เนื่องจากถนนแต่ละสายเล็กๆคับแคบคงความเก๋าของเมืองไว้ เป็นพาหนะหลักที่คนเมืองใช้ เนื่องจากแท็กซี่ราคาแพงหูฉี่ และรถม้าก็เป็นพาหนะสำหรับพานักท่องเที่ยวชมเมืองน่ารักๆแห่งนี้เท่านั้น ฉันเลือกที่จะจองโรงแรมในตึกทรงเก่าริมลำคลอง เพราะลำคลองถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองบรูจส์ จนเมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น… Read More In Bruges